อ่านคู่สกุลเงินอย่างไร ?
แต่ละสกุลเงินจะมีอักษรย่ออย่างเป็นทางการที่ใช้กันโดยทั่วไป รวมทั้งในฟอเร็กซ์:
- EUR คือ Euro
- CAD คือ Candian Dollar
- NZD คือ New Zealand Dollar
ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าการเทรดสกุลเงินจะทำกันเป็นคู่ สกุลเงินด้านซ้ายจะเรียกว่า base ส่วนสกุลเงินด้านขวาจะเรียกว่า quote ราคาของคู่เงินคือจำนวนเงินที่คุณจ่ายในสกุลเงิน quote สำหรับสกุลเงิน base หนึ่งหน่วย ตัวอย่างเช่น:
NZD/USD = 0.6365
จากตัวอย่างนี้ New Zealand Dollar คือ base และ US Dollar คือ quote ดังนั้น หากซื้อหนึ่ง NZD จะต้องใช้ 0.6365 USD
คุณอาจสังเกตเห็นว่ามีสองราคาแสดงอยู่บนชาร์ต ได้แก่:
- ราคา Bid - ราคาปัจจุบันสำหรับการขาย
- ราคา Ask - ราคาปัจจุบันสำหรับการซื้อ
ราคาเหล่านี้มักจะแตกต่างกันไม่กี่ pip ซึ่งความต่างนี้ก็คือค่า spread ซึ่งเป็นค่าคอมมิชชันที่คุณต้องจ่ายเมื่อเปิดการเทรดแต่ละครั้ง และค่าคอมมิชชันนี้ก็คือรายได้หลักของโบรกเกอร์นั่นเอง
ประเภทของคู่สกุลเงิน
ขึ้นอยู่กับสกุลเงินที่จับคู่กัน โดยแบ่งได้เป็นสามกลุ่มหลัก:
- Major (คู่สกุลหลัก)
- Cross-currencies หรือ minor (คู่สกุลรอง)
- Exotic
Major (คู่สกุลหลัก)
คู่สกุลหลักมักประกอบด้วยดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินที่สองมาจากประเทศที่เศรษฐกิจมีการพัฒนาอย่างมาก:
- ประเทศโซนยุโรป
- สหราชอาณาจักร
- ญี่ปุ่น
- สวิตเซอร์แลนด์
- ออสเตรเลีย
- แคนาดา
- นิวซีแลนด์
ดังนั้น คู่สกุลหลักจะประกอบไปด้วย EUR/USD, NZD/USD, USD/CHF, AUD/USD, USD/JPY, USD/CAD, GBP/USD และ USD/CHF ซึ่งผู้เทรดส่วนมมากนิยมเทรดคู่สกุลเงินเหล่านี้ อย่างเช่นคู่ EUR/USD ที่ครอบคลุมจำนวนการเทรดฟอเร็กซ์ 30% ของจำนวนทั้งหมด
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคู่สกุลหลักมีค่า spread ที่ต่ำที่สุดในตลาดและมีความผันผวนสูง ทำให้มีศักยภาพในการเพิ่มกำไรในการเทรดนั่นเอง
Cross-Currencies หรือ Mini (คู่สกุลรอง)
คู่เงินประเภทนี้ประกอบไปด้วยสกุลเงินจากประเทศที่กล่าวไปข้างต้นแต่ไม่มีสกุลเงิน US ผู้เทรดมักจะเทรดด้วย British pound, Euro และ Japanese yen ตัวอย่างเช่น:
- EUR/GBP
- EUR/CAD
- EUR/JPY
- NZD/JPY
- GBP/JPY
ค่า spread ของคู่ cross-currencies จะสูงกว่าคู่สกุลหลักเล็กน้อย จึงเป็นเหตุผลที่มีการเทรดน้อย
Exotic
คู่สกุลเงินนี้ประกอบไปด้วยสกุลเงินจากประเทศที่กล่าวข้างต้นอยู่ฝั่งหนึ่งและประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจค่อนข้างช้าอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง ประเทศกลุ่มยุโรปที่อยู่นอกโซนยุโรป เป็นต้น ตัวอย่างเช่น:
- USD/SGD
- USD/HKD
- USD/SEK
ผู้เทรดจะไม่ค่อยเลือกเทรดคู่ประเภทนี้เนื่องจากมีค่า spread สูงและความผันผวนน้อย จึงทำให้การทำกำไรในระยะสั้นเป็นไปได้ยากในตลาดเหล่านี้ คุณจะเห็นความผันผวนสูงเกิดขึ้นกับคู่เทรดประเภทนี้ได้ในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญกับประเทศเหล่านี้เท่านั้น
บางครั้ง พลเมืองของกลุ่มประเทศ “exotic” ก็มักจะเทรดคู่เทรดเหล่านี้โดยเฉพาะ เนื่องจากพวกเขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในประเทศได้ก่อนและสามารถรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อราคาของคู่สกุลเงินมีอะไรบ้าง ?
ผู้เทรดที่เชี่ยวชาญจะเริ่มต้นวันด้วยการตรวจสอบ ปฏิทินเศรษฐกิจ อยู่เสมอ เนื่องจากคุณจะรู้เหตุการณ์ที่ส่งผลต่อราคาของสกุลเงินได้เกือบทุกอย่าง ในจำนวนนี้ เหตุการณ์ที่ส่งผลต่อสกุลเงินเป็นอย่างมาก ได้แก่:
- ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ: GDP การเลิกจ้างงาน เงินเฟ้อ อสังหาริมทรัพย์ และตลาดรถยนต์ เป็นต้น
- อัตราดอกเบี้ยธนาคารกลาง
- เหตุการณ์ทางการเมือง: การเลือกตั้ง ข่าวการคอร์รัปชัน เป็นต้น
- ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ควรเทรดคู่สกุลเงินใด ?
ตัวเลือกของคุณจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และแผนการเทรดของคุณ ผู้เทรดหน้าใหม่อาจเริ่มต้นจากคู่สกุลเงินหลักหรือคู่สกุลเงินรอง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือจะต้องระมัดระวังเรื่องความผันผวนที่สูงซึ่งอาจทำให้ราคาวิ่งส่วนทางกับคุณได้
เราขอแนะนำให้คุณเลือกคู่สกุลเงินที่คุณชอบ คุณจะชำนาญในตลาดนั้นเร็วขึ้น และเมื่อคุณเริ่มชำนาญในการเทรดอย่างน้อยหนึ่งคู่สกุลเงินแล้ว การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟอเร็กซ์ในอนาคตก็จะเริ่มง่ายขึ้น