บางสิ่งมีอายุมากกว่าที่คุณคิด คุณทราบหรือไม่ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดฟอเร็กซ์กำเนิดขึ้นมากกว่าหลายร้อยปีแล้ว ในยุคศตวรรษที่สิบเก้านั้นไม่มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้และผู้คนไม่สามารถดูการเคลื่อนไหวของราคาอย่างละเอียดในทุกแท่งเทียนได้ อย่างไรก็ตาม ความคิดที่จะหาพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของตลาดก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ความคิดนี้เริ่มต้นจาก Charles Dow เขาเริ่มต้นจากการเป็นผู้สื่อข่าวธรรมดาและได้กลายเป็นผู้ค้นพบการวิเคราะห์ทางเทคนิคในภายหลัง
ในการเข้าใจพฤติกรรมของตลาดทางการเงินทุกตลาดและแนวโน้มของราคาว่าจะวิ่งต่อไปหรือกลับตัว จะต้องไปดูที่จุดเริ่มต้นของทฤษฎีนี้ และเข้าใจถึงหลักการเบื้องต้นและสาเหตุของมัน
จุดเริ่มต้นของทฤษฎีดาว
Charles Dow เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นผู้สื่อข่าวของ Wall Street ต่อมาเพื่อนของเขา Edward Jones ได้ตั้งบริษัทขึ้นมา ชื่อ Dow Jones & Company เขาทั้งสองได้เขียนบทความสองหน้าต่อวันเกี่ยวกับโลกการเงิน ต่อมาธุรกิจเล็ก ๆ นี้ได้กลายเป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก รู้จักกันในชื่อ Wall Street Journal
ในเวลาว่างจากงานหนังสือพิมพ์ Dow ได้พยายามที่จะค้นหาว่าตลาดนั้นมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร เขาสนใจในการเคลื่อนไหวของราคาและพยายามที่จะเข้าใจถึงเหตุผลของมัน
ทุกคนทราบว่าตลาดนั้นเคลื่อนไหวไปตามอุปสงค์และอุปทาน ราคาสูงขึ้นเมื่อเทรดเดอร์ซื้อและราคาตกลงมาเมื่อมีการขาย และทราบว่าตลาดนั้นจะไม่เคลื่อนไหวนิ่ง ๆ ตลอดเวลา นี่เป็นเหตุผลที่ราคามีรูปแบบเป็นคลื่นหรือมีการสวิงตัว เป้าหมายของ Dow คือการเข้าใจว่าอารมณ์ของเทรดเดอร์มีผลอย่างไรต่อพฤติกรรมของตลาด และนี่เป็นพื้นฐานของทฤษฎีของเขา
และนี่เป็นเพียงแค่แนวคิดพื้นฐานเท่านั้นเนื่องจาก Charles Dow ไม่ได้สรุปถึงผลลัพธ์ที่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งต่อมามีคนต่อยอดแนวคิดของเขาคือ:
- Sam Nelson
- William Hamilton
- Robert Rhea
บุคคลสามคนนี้ทำให้ทฤษฎีดาวเสร็จสมบูรณ์ในปี 1932 และใช้จนถึงปัจจุบัน
หลักการของทฤษฎีดาว
สำหรับแนวคิดของ Charles Dow คุณจะเข้าใจว่าตลาดเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่มีพฤติกรรมเป็นของตัวเอง และมีอารมณ์ความรู้สึก และเมื่อคุณมาดูหลักการพื้นฐานของทฤษฎีดาวอย่างละเอียด คุณจะเข้าใจว่าตลาดมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร
ทุกอย่างอยู่ในราคาแล้ว
Dow เชื่อว่าทุกการเคลื่อนไหวของราคามีการรับรู้ถึงข้อมูลทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจของทุกประเทศ, ทุกบริษัท, ทุกธนาคาร และความเสี่ยงอื่น ๆ แม้กระทั่งอารมณ์ของเทรดเดอร์
นี่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปได้ที่จะคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต การเคลื่อนไหวของราคานั้นรับรู้ข้อมูลทั้งหมดที่เพิ่งเข้ามาซึ่งไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ นี่เป็นเหตุผลว่าไม่มีทางที่จะคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้ถูกต้อง 100%
แนวโน้มมีสามประเภท
คุณอาจจะคิดว่าเราหมายถึงแนวโน้มขาขึ้น, ขาลง และ sideway แต่ Dow พูดถึงอย่างอื่น หากราคาเคลื่อนไหวแบบซิกแซก เราสามารถแบ่งแนวโน้มออกเป็นสามประเภทได้ดังนี้:
- แนวโน้มปฐมภูมิ เป็นแนวโน้มหลักที่แสดงถึงทิศทางทั่วไปของตลาด แนวโน้มประเภทอื่นนั้นจะมีพฤติกรรมบนพื้นฐานของแนวโน้มปฐมภูมิ โดยทั่วไปแล้วจะมีระยะเวลา 1 ถึง 3 ปี
- แนวโน้มทุติยภูมิ เป็นการสวิงของราคาที่วิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามจากแนวโน้มปฐมภูมิ โดยทั่วไปความผันผวนของแนวโน้มทุติยภูมิจะมีมากกว่าแนวโน้มปฐมภูมิ
- การขึ้นลงรายวัน แนวโน้มประเภทที่สามนี้เป็นการวิ่งไปในทิศตรงข้ามจากแนวโน้มทุติยภูมิและจะมีระยะเวลาไม่เกินไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ แนวโน้มประเภทนี้จะได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จากสัญญาณรบกวนของตลาด
แนวโน้มปฐมภูมิมีสามช่วง
ทุกสิ่งมีจุดเริ่มต้น จุดกึ่งกลาง และจุดสิ้นสุด แนวโน้มก็เช่นเดียวกัน:
- ช่วง Accumulation เป็นช่วงที่ราคามีการตกต่ำและกำลังเริ่มแข็งแรงขึ้นก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้มหลัก โดยทั่วไปนี่เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มก่อนหน้าที่กำลังเริ่มอ่อนแรงลง จุดนี้เป็นจุดที่น่าสนใจที่สุดแต่ก็เป็นจุดที่เสี่ยงที่สุดในการเข้าซื้อ
- ช่วง Big Move เป็นช่วงหลักที่ยาวนานที่สุดของแนวโน้ม
- ช่วง Excess เป็นช่วงที่ราคามีพฤติกรรมที่ไม่มีเหตุผล, ไม่เสถียร, มีการทำ correction เพิ่มขึ้น ในช่วงนี้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะออกจากตลาด
แนวโน้มควรยืนยันด้วยปริมาณ
Dow ระบุว่าปริมาณของออเดอร์จะเพิ่มขึ้นเมื่อทิศทางของราคาเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแนวโน้มหลักและจะอ่อนค่าลงเมื่อราคากลับตัว ดังนั้น ด้วยแนวโน้มขาขึ้น ปริมาณก็ควรจะเพิ่มจากราคาที่วิ่งขึ้นและลดลงเมื่อราคาดิ่งลง หากทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามนี้ เช่น ในช่วงกลับตัว ปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ก็จะชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มที่ใกล้จะเกิดขึ้นได้เนื่องจากผู้เทรดออเดอร์ขายกำลังจะเพิ่มมากขึ้น
ทุกดัชนีต้องการการยืนยัน
Dow เชื่อว่าคุณจะต้องรอการยืนยันจากดัชนีอื่น ๆ สำหรับการกลับตัวของแนวโน้ม สัญญาณของอินดิเคเตอร์ทั้งหมดจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากสัญญาณไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันแล้วการกลับตัวของแนวโน้มก็จะผิดพลาด
วันนี้ เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงอินดิเคเตอร์ที่อำนวยความสะดวกได้ซึ่งแสดงระดับ oversold และ overbought เช่น Relative Strenght Index (RSI) เป็นต้น หากคุณสังเกตุว่าจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแนวโน้มมขาขึ้นเริ่มอ่อนค่า (หรือแข็งค่าขึ้นจากแนวโน้มขาลง) คุณก็ควรตรวจสอบอินดิเคเตอร์ RSI เพื่อยืนยันสัญญาณนี้
สรุป
Charles Dow ได้ก่อตั้งกองทุนเพื่อวิเคราะห์ด้านเทคนิคและการทำความเข้าใจอิทธิพลทางทัศนคติของผู้เทรดในตลาด เขาคือผู้ที่ร่างพื้นฐานการกำหนดแนวโน้มจุดสูงสุดที่อยู่สูงขึ้นจากจุดสูงสุดเดิม (Higher High) และจุดต่ำสุดที่อยู่ต่ำลงจากจุดต่ำสุดเดิม (Lower Low)
ทฤษฎีดาวไม่ใช่กลยุทธ์และไม่ได้ช่วยกำหนดความก้าวหน้าในอนาคตของตลาดอย่างแม่นยำแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจกรอบความคิดของทฤษฎีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานของตลาด วิธีอ่านแนวโน้ม และวิธีเข้าใจสัญญาณ การเริ่มขั้นตอนแรกในขอบเขตงานใดก็ตามด้วยส่วนที่สำคัญที่สุดเป็นการเริ่มต้นที่มีความหมาย สำหรับฟอเร็กซ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดเหล่านี้อยู่ในทฤษฎีดาวนั่นเอง