เลือกปริมาณการเทรดแบบคงที่
เราจะเริ่มต้นด้วยการพูดถึงระบบการบริหารความเสี่ยงซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน และปริมาณการเทรดของคุณควรจะยึดตามระบบนี้ทุกครั้ง เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณจะแปลกใจว่าทำไมเทรดเดอร์หลายคนถึงเทรดด้วยจำนวนเงินทั้งหมดที่มีเมื่อเขาเหล่านั้นคิดว่าจะมีโอกาสในการเทรดได้กำไรสูง ถึงแม้ว่าจะครั้งนี้จะสามารถทำกำไรได้ แต่ในท้ายที่สุดการเทรดแบบนี้จะทำให้ขาดทุนหมดตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ให้ตั้งกฎว่าการเทรดแต่ละครั้งให้เทรดด้วยปริมาณคงที่ เทรดเดอร์บางคนเลือกเป็นจำนวนดอลลาร์ เช่น เปิดเทรดด้วย $20 คงที่ในแต่ละออเดอร์ แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้เมื่อคุณมียอดบาลานซ์เพิ่มมากขึ้น เช่น เกิน $2,000 ขึ้นไป การเปิดเทรดด้วย $20 จะน้อยเกินไปไม่สมดุลกับจำนวนเงินที่มีอยู่
วิธีที่ดีที่สุดคือให้เทรดด้วยปริมาณคงที่เป็นเปอร์เซนต์ ในกรณีนี้ควรจะเทรดไม่เกิน 1-2% เช่น หากคุณเลือก 2% และบาลานซ์ของคุณคือ $$1,000 คุณจะเปิดเทรดด้วยจำนวนเงิน $20 และเมื่อบาลานซ์ของคุณมี $2,000 คุณจะเปิดเทรดด้วยจำนวนเงิน $40 ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนกำไรได้โดยที่อัตราความเสี่ยงยังเท่าเดิม
เทรดเดอร์หลายคนใช้อัตราความเสี่ยงที่ 6% หมายความว่าทุกออเดอร์ที่กำลังเปิดอยู่ความเสี่ยงรวมกันไม่ให้เกิน 6% คุณสามารถตั้งเปอร์เซนต์ของคุณเองได้ และเมื่อคุณเลือกแล้วให้ทำการเทรดตามแผนอย่างเคร่งครัด
ย้ำเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ
ความคิดนั้นมีพลัง เมื่อเราทำการคิดหรือย้ำบางสิ่งบางอย่างกับตัวเองบ่อย ๆ แล้ว โอกาสที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจะยิ่งมีมากขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนให้คำแนะนำนี้ และมันได้ผลกับคนหลายล้านคนทั่วโลก
วิธีนี้สามารถนำไปใช้กับฟอเร็กซ์ได้ ให้คุณทำการตั้งเป้าหมาย จดลงไปในกระดาษและนำไปแปะไว้ในที่ที่คุณสามารถเห็นได้ง่าย เมื่อคุณเจอกระดาษนี้เมื่อไหร่ให้คุณทำการอ่านดัง ๆ ในทุก ๆ วัน
เป้าหมายนี้ไม่ควรตั้งไว้กว้างเกินไป เช่น “ฉันต้องการร่ำรวย” หรือ “ฉันต้องการประสบความสำเร็จ” ให้ตั้งเป้าหมายให้แคบมากขึ้น และเป้าหมายนั้นควรเป็นเป้าหมายในอนาคต เช่น “ฉันจะ”, “ฉันควร”, “ฉันต้อง” และสิ่งที่สำคัญคือนอกจากเป้าหมาย เช่น “ฉันจะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ” ให้คุณเขียนว่าต้องทำอย่างไรถึงจะไปถึงเป้าหมายนั้นด้วย เช่น:
- ฉันจะทำตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด
- ฉันจะควบคุมอารมณ์ให้ได้ไม่ว่าผลการเทรดจะเป็นอย่างไร
- ฉันจะมุ่งความสนใจไปที่ความสำเร็จและเป็นเทรดเดอร์ที่มีความมั่นใจ
- ฉันควรเทรดฟอเร็กซ์เหมือนเป็นอาชีพหนึ่ง, ไม่ใช่แค่งานอดิเรก, และอื่น ๆ
วิเคราะห์การเทรด
เรามาพูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดกันเถอะ หากคุณอยากเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ คุณจะต้องลดจำนวนข้อผิดพลาดลงและตัดสินใจให้ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง วิธีที่จะทำเช่นนี้ได้ก็คือการวิเคราะห์ประวัติการเทรดของคุณ หากคุณยังไม่จดบันทึกการเทรดก็ควรเริ่มได้แล้ว
หากคุณได้บันทึกผลการเทรดไว้ ก็ถึงเวลานำมาทบทวน ลองดูความก้าวหน้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 อะไรที่ช่วยคุณได้บ้างใน 6 เดือนนี้ ? คุณอาจจะทำตามแผนการเทรดมาโดยตลอดใช่หรือไม่ ? หรือคุณได้เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเทรดระหว่างวัน ? ไม่ว่ามันคืออะไร ทำเครื่องหมายเอาไว้ ชื่นชมตัวเองแล้วทำเช่นเดียวกันนี้ในอนาคต
ต้องก้าวข้ามขั้นตอนที่ไม่ค่อยน่าพึงพอใจและเขียนข้อผิดพลาดทุกอย่างที่คุณทำในช่วงเวลานี้ จดว่ามันกระทบต่อประสิทธิภาพของคุณอย่างไร นี่ไม่ได้หมายถึงการตัดสินใจแบบจำเพาะเจาะจงสำหรับการเทรดแต่ละครั้ง ไม่ได้หมายความว่าควรเปิดออเดอร์ซื้อแทนการขาย แต่หมายถึงพฤติกรรมและวิธีโดยทั่วไปของคุณเอง ตัวอย่างเช่น:
- ฉันมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อการขาดทุนแล้วเปิดออเดอร์เพื่อเอาคืน
- ฉันเพิ่มขนาด lot หลังจากเทรดได้หรือเสียมากกว่าที่วางแผนไว้
- ฉันเปลี่ยนกลยุทธ์ในการเทรดบ่อยเกินไป
- ฉันใช้อินดิเคเตอร์จำนวนมากและเกาะติดกราฟมากเกินไป
- ฉันไม่ได้ทำตามระบบการจัดการความเสี่ยง เป็นต้น
ขั้นตอนในการเริ่มเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพนั้นก็คือลงมือทำด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น ทันทีที่คุณรู้ความผิดพลาดของตนเอง ตัดสินใจต่อสู้กับมันแล้วเลือกวิธีลงมือ ก็จะนำให้เรามาถึงจุดสุดท้ายของบทความนี้
สร้างแผนในการปรับปรุงแก้ไข
แค่รู้ความผิดพลาดของตนเองก็ยังไม่เพียงพอ คุณจะต้องสร้างแผนเพื่อรับมือกับปัญหาแต่ละอย่างด้วย ข่าวดีก็คือคุณไม่ใช่คนแรกที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้ อะไรที่เกิดขึ้นกับคุณ คุณก็สามารถพบข้อมูลเกี่ยวกับวิธีรับมือกับมันอย่างดีที่สุดได้
ตัวอย่างเช่น คุณสังเกตเห็นว่าคุณตัดสินใจในการเทรดตามอารมณ์ หากคุณค้นหาในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหานี้ คุณก็จะสามารถสร้างแผนสำหรับตัวเองได้อย่างเหมาะสม:
- บรรยายลำดับอารมณ์ก่อนและหลังการเทรดแต่ละครั้งในบันทึกของคุณ วิธีนี้จะช่วยให้คุณค้นพบว่าหลังจากวันแห่งความกดดันในการทำงาน คุณมักจะตัดสินใจผิดพลาด
- พักผ่อนให้มากขึ้น เพื่อให้สมองสามารถทำงานได้ในระดับสูงสุด มันจำเป็นจะต้องได้รับการชาร์จ ควรนอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมงในแต่ละวันและหยุดพักจากการทำงานและการเทรดบ้าง
- เปิดเทรดให้น้อยลง ไม่ควรเกิน 1% ของเงินทุน คุณก็จะกังวลเกี่ยวกับยอดขาดทุนน้อยลง
- ยอมรับการเทรดขาดทุนว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เน้นที่ผลเทรดโดยรวมซึ่งกำไรจะครอบคลุมยอดขาดทุนได้ เป็นต้น
สุดท้าย
เราหวังว่าคำแนะนำจากสามบทความสุดท้ายจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและวิธีการเทรดไปในทางที่ดีขึ้น