ตัวชี้วัดเศรษฐกิจของยุโรป
- เดือนตุลาคม 2020 กิจกรรมในภาคบริการลดลงอย่างมาก กิจกรรมทางธุรกิจแสดงผลประกอบการต่ำที่สุดในรอบ 4 เดือน มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเฉพาะในการผลิตภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น
- บริษัทในทวีปยุโรปมีรายได้ลดลง 70% หากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงอาจมีบริษัทถึง 50% ที่ต้องล้มละลายในปี 2021
- ผลประกอบการในประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปนั้นขัดแย้งกัน ตรงข้ามกับการคาดการณ์ ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในประเทศเยอรมนีเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วง 2.5 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน กิจกรรมในภาคบริการนั้นลดลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีก็ดิ่งลงหลังจากที่เพิ่มขึ้นเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
- ยุโรปยังมั่นคงอยู่แต่อาจมีความเปลี่ยนแปลงได้หากประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปเพิ่มมาตรการการกักตัวให้เข้มงวดขึ้น
สิ่งที่ช่วยพยุงค่าเงินยุโรป
สกุลเงินยูโรได้รับเงินอัดฉีดจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในเดือนตุลาคมจำนวนกว่า 3 พันล้านได้ถูกอัดฉีดเข้าไปซึ่งทำให้สภาพคล่องสูงขึ้น
นอกจากนี้ การกระจายทองคำและเงินสำรองต่างประเทศที่เอียงไปทางสกุลเงินยูโรทำให้สกุลเงินยูโรนั้นแข็งแกร่งขึ้น
เสรีภาพการค้าระหว่างประเทศอาจช่วยยูโรได้ สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นหลังจากการปกป้องชาวอเมริกันที่อ่อนแอลงในกรณีที่พรรคเดโมแครตสามารถชนะการเลือกตั้งในสหรัฐ
สิ่งที่ควรคาดหวังจากยุโรป
เนื่องด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน (ไวรัสโคโรนา การหดตัวทางเศรษฐกิจ Brexit) ค่าเงินยุโรปอาจวิ่งไปในทิศทางใดก็ได้ คุณควรติดตามข่าวและตัวชี้วัดหลักอย่างระมัดระวัง :
- ติดตามระดับ CPI ในประเทศกลุ่มยุโรป หากร่วงลงต่ำกว่าศูนย์ก็อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่น การลดเพดานภาษี (VAT) ในประเทศเยอรมนี ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินยูโรได้ อย่างไรก็ตาม การผันผวนดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
- ปริมาณทรัพยากรที่ไม่ถูกใช้งานในยุโรปสูงถึง 7 แสน 5 หมื่นล้าน ซึ่งแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยจนกระทั่งเดือนธันวาคมเมื่อธนาคารกลางวางแผนประกาศใช้มาตรการนโยบายทางการเงินในเชิงปริมาณแบบผ่อนคลาย (QE) เป็นจำนวน 5 แสนล้านยูโร หลังจากนั้นอาจมีการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจใหม่เกิดขึ้นได้
หากประธานธนาคารกลางยุโรป Christine Lagarde ไม่มีการเปลี่ยนแผนดำเนินการ ในอนาคตอันใกล้ยุโรปก็จะสามารถรักษาสถานะเอาไว้ได้ การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็มีส่วนช่วยให้ค่าเงินยูโรนั้นแข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน มีความเป็นไปได้ว่าหลังการเลือกตั้ง ธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มพิมพ์ธนบัตรใหม่ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อและมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นลดลงได้
นอกจากนี้ การผลิตวัคซีนไวรัสโคโรนานั้นคาดว่าจะสำเร็จภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2021 ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเติบโตขึ้นและส่งผลดีต่อค่าเงินยูโรอย่างมาก โปรดติดตามข่าวล่าสุดและรักษาสุขภาพ