วันนี้เราจะพูดถึงวิธีการตั้ง Take Profit และหาวิธีอื่น ๆ ในการปกป้องผลกำไรที่ได้มา
เริ่มต้นด้วยข้อแรก เรามาดูกันว่าอะไรคือ Take Profit และวิธีการตั้งนั้นทำอย่างไร Take Profit คือการตั้งคำสั่งปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อราคามาถึงเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ ข้อดีมีดังนี้คือ:
- คุณจะยังได้กำไรเมื่อราคามาถึงเป้าหมายแม้เพียงหนึ่งวินาทีและราคาวิ่งไปในทิศทางตรงข้ามกันทันที
- ลบปัจจัยทางด้านอารมณ์ออกไป ลดความเสี่ยงในการขาดทุนจากความโลภที่อาจจะเกิดขึ้นได้
- คุณไม่ต้องเฝ้ามองกราฟตลอดเวลาเพื่อปกป้องผลกำไร ออเดอร์นั้นจะปิดให้อัตโนมัติ
คุณสามารถตั้ง Take Profit ใน MetaTrader 4 ดังนี้:
- ตั้งก่อนที่จะเปิดออเดอร์ ให้คุณกำหนดระดับราคาที่คุณต้องการในช่อง Take Profit ก่อนที่จะกดปุ่มซื้อหรือขาย ถ้าหากเป็นออเดอร์ซื้อ ระดับราคาของ Take Profit ก็จะต้องอยู่สูงกว่าราคาซื้อ และต่ำกว่าหากเป็นออเดอร์ขาย
- ตั้งหลังจากเปิดออเดอร์ไปแล้ว ถ้าหากช่วงนั้นมีความผันผวนสูงและคุณกลัวที่จะเกิด requote และ slippage คุณสามารถเปิดออเดอร์ไปก่อนและตั้ง Take Profit ทีหลังได้ โดยให้คุณคลิกขวาที่รายการออเดอร์และเลือก “Modify or delete order” ในเมนู และให้ตั้งระดับ Take Profit บนหน้าต่างที่แสดงขึ้นมา
วิธีการเลือกระดับ Take Profit
ระดับที่จะตั้ง Take Profit ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดและระบบการจัดการความเสี่ยงของคุณ เรามาดูวิธีการต่าง ๆ ในการตั้งระดับราคากัน
ระดับราคาที่สำคัญ
ราคาส่วนใหญ่มักจะวิ่งไปที่ระดับแนวรับและแนวต้าน ให้ใช้ระดับราคาที่สำคัญนี้ในการตั้ง Take Profit เนื่องจากคุณไม่สามารถทราบได้ว่าราคาจะทะลุแนวต้านหรือแนวรับหรือไม่ ดังนั้นให้คุณเก็บกำไรออกมาก่อน และหากราคาทะลุไปได้ให้เปิดออเดอร์ใหม่และตั้ง Take Profit ใหม่
ระดับ Fibonacci
วิธีนี้คล้ายกับวิธีที่แล้ว โดยให้คุณใช้อินดิเคเตอร์ Fibonacci ที่มีให้ในโปรแกรม MetaTrader 4 โดยเส้นระดับต่างๆของอินดิเคเตอร์นี้จะแสดงโอกาสที่ราคาจะทำ correction จากแนวโน้มก่อนหน้า ให้คุณตั้ง Take Profit ที่ระดับอินดิเคเตอร์นี้ และดีที่สุดถ้าหากระดับแนวรับแนวต้านตรงกันกับระดับของอินดิเคเตอร์
ระดับปัดเศษ
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มักจะปัดเศษในทุกอย่าง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเทรดเดอร์มักจะปิดเทรดที่ราคากลม ๆ เช่น 10, 20, 50 ที่ระดับราคาเหล่านี้มีผลกระทบต่อตลาด คุณควรจะใช้ระดับเหล่านี้ในการตั้ง Take Profit
อัตราส่วนความเสี่ยงต่อกำไร
ถ้าหากคุณเคยตั้งอัตราส่วนความเสี่ยงต่อกำไร คุณสามารถตั้งระดับ Take Profit จากระดับ Stop Loss ที่คุณเลือกไว้แล้ว
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใช้อัตราส่วนเป็น 1:3 และตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 10 จุดจากราคาเปิด ดังนั้น Take Profit จะตั้งเป็น 30 จุดจากราคาเปิดในทิศทางตรงข้ามกัน
การสวิงก่อนหน้า
ตลาดวิ่งเป็นรูปคลื่นและมีการสวิงบนกราฟ เทรดเดอร์บางคนตั้ง Take Profit จากความยาวของการสวิงก่อนหน้า ในกรณีนี้ให้วัดความยาวของการสวิงเป็นหน่วยจุดและตั้ง Take Profit ในระดับเดียวกันในช่วงเริ่มของการสวิงครั้งต่อไป
คงที่
เทรดเดอร์บางคนชอบที่จะตั้ง Take Profit เป็นจำนวนจุดคงที่ ตัวอย่างเช่น 10, 20, 30 จุดจากราคาเปิด เนื่องจากวิธีนี้ไม่มีการใช้ปัจจัยเทคนิคหรือปัจจัยพื้นฐานเป็นตัวกำหนด วิธีนี้จึงเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมที่สุด ให้ใช้วิธีนี้เป็นวิธีสุดท้าย
ความผันผวน
นี่เป็นวิธีที่ไม่นิยมใช้กัน วิธีนี้ควรจะใช้เมื่อคุณไม่มีทางเลือกอื่น สิ่งที่คุณต้องใช้คือความผันผวนเฉลี่ยของคู่ที่คุณเทรด ตัวอย่างเช่น สมมติความผันผวนของคู่หนึ่งเป็น 70 จุดต่อวัน และหากคู่นี้เคลื่อนไหวไป 30 จุดแล้ว ให้ตั้ง Take Profit เท่ากับ 40 จุดจากจุดเข้าเทรด
ปิดออเดอร์ด้วยตัวเอง
ถ้าหากคุณสามารถเฝ้ามองกราฟได้ คุณก็สามารถเลือกวิธีการปิดออเดอร์ด้วยตัวเองได้ ในการใช้วิธีนี้คุณจำเป็นต้องติดตามสัญญาณเทรดต่าง ๆที่เกิดในตลาดตอนนั้นและตัดสินใจปิดออเดอร์
Overbought หรือ Oversold
การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถเป็นตัวบอกถึงทิศทางการเคลื่อนที่ของราคาได้ ในการหาระดับ overbought/oversold คุณสามารถใช้อินดิเคเตอร์ เช่น RSI ได้ ถ้าหากระดับของอินดิเคเตอร์นี้เข้าใกล้ 70 หรือ 30 มีโอกาสที่แนวโน้มจะกลับตัวได้ ในการปกป้องผลกำไร คุณสามารถทำการปิดออเดอร์ด้วยตัวเองเมื่อถึงระดับนี้ได้
จุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่
ถ้าหากคุณสังเกตว่ากราฟได้ทำจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดใหม่ และราคาวิ่งไปในทิศทางตรงข้าม คุณอาจพิจารณาทำการปิดออเดอร์ เนื่องจากมีโอกาสที่ราคาจะวิ่งไปในทิศทางตรงข้ามกับคุณและจะถูกปิดที่จุด Stop Loss ให้พยายามรักษาผลกำไรที่คุณมีอยู่
แท่งเทียนขนาดใหญ่
แท่งเทียนขนาดใหญ่มักจะตามมาด้วยการ correction ของราคาอย่างรุนแรง หากคุณเจอรูปแบบนี้บนกราฟ ให้คุณพิจารณาเป็นสัญญาณในการปิดออเดอร์
วิธีการปกป้องผลกำไร
วิธีการที่ดีที่สุดคือการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงและตั้งระดับ Take Profit ตามระบบนี้และตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค ณ ขณะนั้น เนื่องจากวิธีนี้ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ 100% ได้ จึงเป็นสิ่งที่ดีหากคุณสามารถเฝ้าดูรายการเทรดของคุณเป็นระยะและดำเนินการตามสัญญาณเทรดที่เกิดขึ้นใหม่
และแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหากคุณใช้หลาย ๆ วิธีเข้าด้วยกัน หากมีสัญญาณยืนยันหลายครั้งพร้อมกันก็จะยิ่งมีโอกาสในการได้ผลการเทรดที่ดีมากยิ่งขึ้น