ฟอเร็กซ์ (Forex) คืออะไร
Forex (Foreign Exchange Market) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า FX เป็นตลาดในการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่าง ๆ ซึ่ง Forex เป็นตลาดที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลกกว่า 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นทั้งโลกมารวมกัน
ตลาด Forex เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ตลอด 24 ชั่วโมงและหยุดการซื้อขายในวันเสาร์อาทิตย์ ตลาดใหญ่ ๆ ของโลกจะมีอยู่ 3 แห่งก็คือ ตลาดโตเกียว ตลาดลอนดอน และตลาดนิวยอร์ค ซึ่งเวลาทำการเมื่อเทียบกับเวลาประเทศไทยก็จะเป็นดังนี้ (ถ้าอยู่ในช่วงฤดูหนาวก็ให้เพิ่มอีก 1 ชั่วโมง)
- ตลาดออสเตรเลีย (AUD) เวลา 5:00 – 13:00
- ตลาดญี่ปุ่น (JPY) เวลา 7:00 – 14:00
- ตลาดยุโรป (EUR) เวลา 13:00 – 21:00
- ตลาดสวิส (CHF) เวลา 13:00 – 21:00
- ตลาดอังกฤษ (GBP) เวลา 14:00 – 22:00
- ตลาดอเมริกา (USD) เวลา 19.00 - 3:00
สกุลเงิน
สกุลเงินหลัก ๆ ที่ทำการซื้อขายนั้นก็จะมีอยู่ 7 สกุลเงินด้วยกันก็คือ
- ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD)
- ยูโร (EUR)
- ปอนด์ (GBP)
- เยน (JPY)
- ดอลลาร์แคนาดา (CAD)
- สวิสฟรังค์ (CHF)
- ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)
การซื้อขายสกุลเงินในตลาด Forex นั้นจะทำกันเป็นคู่ ๆ (Currency Pair) ซึ่งคู่ของสกุลเงินหลักหรือที่เรียกว่า Major นั้น จะมีอยู่ 4 สกุลด้วยกันคือ
- GBP/USD
- EUR/USD
- USD/CHF
- USD/JPY
สกุลเงินที่อยู่ข้างหน้าจะเรียกว่า Base Currency และตัวหลังเรียกว่า Counter Currency
- เช่นคู่ GBP/USD ก็จะมี GBP เป็น Base Currency และ USD เป็น Counter Currency ส่วนความหมายนั้นก็ให้จำง่าย ๆ ว่าตัว Base Currency จะมีค่าเป็น 1 เสมอ สมมติว่าราคาของคู่ GBP/USD เป็น 1.5000 ก็จะหมายความว่า 1 ปอนด์มีค่าเท่ากับ 1.5 ดอลลาร์
แล้วเราจะทำการเทรด Forex ได้อย่างไร ?
ขั้นตอนแรกท่านจะต้องทำการเลือกโบรกเกอร์ก่อน โบรกเกอร์จะเป็นบริษัทที่ให้บริการเทรด Forex แก่ลูกค้า ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน เช่น ค่าธรรมเนียมซื้อขาย ความสะดวกสบายในการฝากถอน การบริการลูกค้า และอื่น ๆ
- โบรกเกอร์ FXClearing (https://www.fxclearing.com/th) มีประสบการณ์ในการให้บริการลูกค้ามายาวนานตั้งแต่ปี 2549 มีช่องทางฝากถอนผ่านธนาคารไทยผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง และยังมีพนักงานซัพพอร์ตไทยคอยช่วยเหลือปัญหาให้กับทุกท่าน
- ท่านสามารถติดต่อ FXClearing ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
- อีเมล: thai@fxclearing.com จันทร์-ศุกร์ 9:00 - 20:00
- Facebook: https://www.facebook.com/fxclearingthailand/inbox จันทร์-ศุกร์ 9:00 - 20:00
- Skype: fxcl.thailand จันทร์-ศุกร์ 9:00 - 20:00
- Live chat: https://www.fxclearing.com/th จันทร์-ศุกร์ 9:00 - 17:00
MetaTrader 4 (MT4)
แต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีโปรแกรมการซื้อขาย Forex ให้ลูกค้าใช้งานแตกต่างกัน ซึ่ง FXClearing ได้ใช้โปรแกรม MT4 ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/download-mt4
- รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MT4 สามารถดูได้ที่ http://www.metaquotes.net/en/metatrader4/trading_terminal
- คู่มือการใช้งาน MT4 สำหรับคอมพิวเตอร์ภาษาไทยสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://bit.ly/2rPpM0E
- คู่มือการใช้งาน MT4 สำหรับโทรศัพท์มือถือ iOS ภาษาไทยสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://bit.ly/2trx9si
- คู่มือการใช้งาน MT4 สำหรับโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ (Android) ภาษาไทยสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://bit.ly/2tMJdnw
หลักการซื้อขาย Forex เบื้องต้น
เริ่มแรกเลยให้ท่านเลือกสกุลเงินที่ต้องการเทรด และทำการวิเคราะห์ว่าราคาในอนาคตจะเป็นอย่างไร
- หากท่านคิดว่าราคาในอนาคตจะมากกว่าราคาปัจจุบัน ให้ท่านทำการซื้อ (buy)
- หากท่านคิดว่าราคาในอนาคตจะน้อยกว่าราคาปัจจุบัน ให้ท่านทำการขาย (sell)
Pip
หน่วยของราคาในสกุลเงินต่าง ๆ เราจะเรียกว่า Pip ซึ่ง Pip คือจำนวนจุดที่น้อยที่สุดของคู่เงินนั้น ๆ
- ตัวอย่าง ราคาของคู่ GBP/USD มีทศนิยม 4 จุด เช่น 1.5000 เพราะฉะนั้น 1 pip ก็จะมีค่าเท่ากับ 0.0001 ถ้าราคาวิ่งจาก 1.5000 ไป 1.5010 หมายความว่าราคามีการวิ่งไป 10 pip
- ตัวอย่าง ราคาของคู่ USD/JPY เป็น 110.00 ดังนั้น 1 pip ของคู่นี้ก็จะมีค่าเท่ากับ 0.01 ถ้าราคาวิ่งจาก 110.00 ไป 110.05 หมายความว่าราคามีการวิ่งไป 5 pip
*สำหรับบัญชี ECN จะมีทศนิยมเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ตำแหน่ง ดังนั้นเวลาคิดค่า pip ให้นับทศนิยมรองสุดท้ายแทน เช่น ส่วนต่างของราคา GBP/USD ตั้งแต่ 1.50000 ถึง 1.50015 มีค่าเท่ากับ 1.5 pip
ราคา Bid & Ask
ในการเทรด Forex แต่ละสกุลเงินจะมีราคาแสดงอยู่ 2 ราคาด้วยกัน คือราคา Bid และ ราคา Ask เราสามารถดูราคานี้ได้ในโปรแกรมเทรด MT4 ดังรูป
- เวลาเราทำการเปิดออเดอร์ซื้อ (buy) เราจะได้ที่ราคา Ask ส่วนเวลาปิดออเดอร์จะได้ที่ราคา Bid
- เวลาเราทำการเปิดออเดอร์ขาย (sell) เราจะได้ที่ราคา Bid ส่วนเวลาปิดออเดอร์จะได้ที่ราคา Ask
สำหรับราคาที่แสดงบนกราฟจะเป็นราคา Bid จากรูปคือราคา Bid ของ EURUSD คือ 1.2524
หากต้องการให้กราฟแสดงเส้นราคา Ask ให้คลิกขวาที่กราฟ -> Properties -> Common tab -> ติ๊กที่ Show Ask line
Spread
Spread คือผลต่างของราคา Bid และ ราคา Ask
- จากรูป ราคา Bid ของ EUR/USDเป็น 1.2528 ราคา Ask เป็น 1.2529 ดังนั้น Spread เท่ากับผลต่างของ 2 ค่านี้คือ 0.0001 หรือ 1 pip
- ซึ่ง Spread ก็เปรียบเสมือนกับค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ที่คิดกับเรานั่นเอง ยิ่งน้อยยิ่งดี
Lot
ขนาดของสัญญาที่เราทำการซื้อขายกันนั้นเรียกว่า lot ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะเทรดที่ lot เท่าไหร่ในช่อง Volume ของโปรแกรม MT4 ดังรูป
- ถ้าเราใส่จำนวน lot มาก เวลาราคามีการขึ้นลง เราก็จะได้กำไรหรือขาดทุนเพิ่มมากขึ้นไปด้วย ท่านสามารถเข้าไปคำนวณว่าเราควรจะเทรดที่ lot เท่าไหร่ได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/calculator
ตัวอย่างเช่น
ถ้าเราเลือกจำนวน lot เป็น 0.1 ดังรูป ให้ดูที่ช่อง'ค่าของ 1 จุด' จะหมายความว่า เวลาราคาขึ้นลง 1 pip เราก็จะได้กำไรหรือขาดทุนเป็น 1 ดอลลาร์ หรือ 1 เซนต์ (ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีเทรดว่าเลือกเปิดเป็นบัญชีดอลลาร์ หรือบัญชีเซนต์) บัญชีเทรดที่มีหน่วยเป็นดอลลาร์เช่น Mini, ECN Plus, ECN Interbank ส่วนบัญชีเทรดที่มีหน่วยเป็นเซนต์ เช่น Micro, ECN Cent
Margin (หลักประกัน)
Margin เปรียบเสมือนกับค่ามัดจำที่เราต้องใช้ในการเปิดออเดอร์แต่ละครั้ง และก็จะเพิ่มกลับเข้าไปในบัญชีเหมือนเดิมเมื่อทำการปิดออเดอร์ ยิ่งใส่จำนวน lot ในการเปิดออเดอร์มากเท่าไหร่ จำนวน Margin ที่ใช้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ท่านสามารถเข้าไปคำนวณ Margin ที่ต้องใช้ในแต่ละสกุลเงินได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/calculator
แล้ว Margin มีความสำคัญอย่างไร ?
ถ้าท่านไม่คอยดูค่า Margin ให้ดี ออเดอร์ของท่านอาจจะถูกปิดอัตโนมัติได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านมีการเปิดออเดอร์ ในโปรแกรม MT4 จะมีค่าแสดงให้ท่านดูดังนี้
- Balance แสดงยอดเงินที่ยังไม่รวมกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ที่กำลังเปิดอยู่
- Equity แสดงยอดเงินที่รวมกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ที่กำลังเปิดอยู่
- Margin (หลักประกัน) แสดงจำนวน Margin ทั้งหมดที่ใช้ไปในการเปิดออเดอร์
- Free Margin (หลักประกันที่เหลือ) มีค่าเท่ากับ Equity - Margin
- Margin Level มีค่าเท่ากับ Equity / Margin * 100
ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีเงื่อนไขไว้อยู่ว่า ถ้า Margin Level เหลือน้อยกว่าค่าใดค่าหนึ่ง ออเดอร์จะถูกปิดอัตโนมัติ ค่านี้เรียกว่า Stop Out Level (สามารถดูค่า Stop Out Level ของแต่ละบัญชีได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/trading-terms#margincall) เช่น หากค่า Stop out level ถูกกำหนดไว้เป็น 70% เมื่อค่า Margin Level ในบัญชี MT4 ตกลงมาเหลือ 70% เมื่อไหร่ ออเดอร์ก็จะถูกปิดอัตโนมัติ ซึ่งปัจจัยที่ออเดอร์จะมีโอกาสถูกปิดอัตโนมัติคือ
- ท่านเปิดออเดอร์โดยใส่ lot มากเกินไป ทำให้ Margin Level เหลือน้อย (จากสูตร Margin Level = Equity / Margin * 100) ยิ่ง Margin มาก Margin Level ยิ่งน้อย
- ท่านขาดทุนมากเกินไปทำให้ Equity เหลือน้อย (ยิ่ง Equity น้อย Margin level ยิ่งน้อย)
จะมีอีกค่าหนึ่งคือ Margin Call Level หาก Margin Level ในบัญชีต่ำจนถึง Margin Call Level แต่ยังไม่ถึง Stop Out Level ตัวโปรแกรม MT4 ก็จะทำการเตือนโดยออเดอร์ที่เราเปิดอยู่จะเป็นแถบสีแดง
Leverage
- Leverage ส่วนใหญ่จะมีให้เลือกตั้งแต่ 1:100 จนถึง 1:500
- ยิ่งเลือก Leverage มาก จำนวน Margin ที่ใช้ก็จะยิ่งน้อยลง
- สามารถคำนวณ Margin ที่ใช้ของคู่สกุลเงินต่าง ๆ ได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/calculator
- ตัวอย่างเช่น การเปิดออเดอร์ 0.1 lot ที่คู่สกุลเงิน EUR/USD ด้วย Leverage 1:500 จะใช้ Margin $24.99
Swap
Swap คือดอกเบี้ยที่เราจะได้หรือเสียไปเมื่อเราทำการเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ข้ามคืน (ข้ามเวลาเที่ยงคืนบนกราฟ)
- ค่า Swap ของแต่ละสกุลเงินสามารถเข้าไปดูได้ที่ MT 4 -> หน้าต่าง Market Watch -> คลิกขวา เลือก Symbols -> เลือกสกุลเงินที่ต้องการ -> กดปุ่ม Properties
- Swap long แสดงค่า Swap สำหรับออเดอร์ buy และ Swap short แสดงค่า Swap สำหรับออเดอร์ sell
- ค่า Swap เป็นบวกจะหมายความว่าเราจะได้กำไรเมื่อเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ข้ามคืน ถ้าค่า Swap เป็นลบจะหมายความว่าเราจะขาดทุนเมื่อเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ข้ามคืน
- ในรูปค่า Swap long เป็น -5.16 แสดงว่าถ้าเปิดออเดอร์ buy ทิ้งไว้ข้ามคืนเราจะขาดทุนไป 5.16 จุด ที่ทศนิยมตำแหน่งที่ 5 (ช่อง Digits เป็น 5)
- และถ้าเราเปิดออเดอร์ sell ทิ้งไว้ข้ามคืนเราจะขาดทุนไป 4.92 จุด
- คืนวันเสาร์และอาทิตย์ไม่มีการคิดค่า Swap
- คืนวันพุธจะคิดค่า Swap เป็น 3 เท่าของค่า Swap ปกติ
ตัวอย่างการซื้อขาย Forex
ตอนนี้คู่ EUR/USD มีราคา Bid ปัจจุบันเป็น 1.2499 ดังรูป (ราคาที่แสดงบนกราฟจะเป็นราคา Bid)
สมมติถ้าท่านคิดว่าราคาในอนาคตจะมากกว่า 1.2499 ให้ท่านเปิดออเดอร์ buy (ในส่วนวิธีการใช้งาน MT4 สามารถดูคู่มือได้ที่ https://www.facebook.com/note.php?note_id=312510768764540)
จากรูปด้านบนท่านจะได้ออเดอร์ที่ราคา 1.2500 (ออเดอร์ buy ได้ราคา Ask) ถ้าเป็นออเดอร์ sell ท่านจะได้ที่ราคา Bid (1.2499)
เมื่อราคาขึ้นมาที่ 1.2503 และท่านพอใจที่ราคานี้ ให้ท่านทำการปิดออเดอร์ (ออเดอร์ buy เวลาปิดออเดอร์จะได้ราคา Bid) ท่านก็จะได้กำไรมาทั้งหมดเท่ากับ 1.2503 - 1.2500 = 3 pip และท่านเทรดที่ 0.1 lot ท่านก็จะได้กำไรมาทั้งหมด $3
การวิเคราะห์แนวโน้ม Forex
สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือเราจะต้องวิเคราะห์แนวโน้มให้ถูกว่าราคาของสกุลเงินนั้น ๆ จะขึ้นหรือลง เพื่อที่เราจะสามารถทำกำไรได้ ซึ่งการวิเคราะห์การเทรดก็จะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis)
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก็คือการวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ เช่น อัตราการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งถ้ามีข่าวเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้ออกมาก็จะทำให้ราคาของแต่ละสกุลเงินมีการเปลี่ยนแปลงได้
- เว็บไซต์ดูข่าวที่นิยมกันก็คือ Forexfactory.com ก็จะมีการอัพเดทข่าวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ Forex อยู่ตลอดเวลาซึ่งก็จะมีลำดับความสำคัญของข่าวด้วย ยิ่งเป็นข่าวที่มีความสำคัญมากก็จะมีผลกระทบกับราคาได้มาก
ส่วนการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคก็จะเป็นการวิเคราะห์จากรูปแบบของกราฟเป็นหลัก โดยดูจากรูปแบบของกราฟว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร แนวรับแนวต้านอยู่ตรงไหน และมีการใช้อินดิเคเตอร์ต่าง ๆ มาช่วยในการวิเคราะห์ด้วย เช่น Moving Average, Fibonacci, RSI ซึ่งอินดิเคเตอร์พื้นฐานที่ใช้โดยทั่วไปก็จะมีให้เลือกใช้ในโปรแกรมเทรด MT4
- ท่านสามารถเข้าไปดูวิดีโอสอนการวิเคราะห์การเทรดของ FXClearing ได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/video
Expert Advisor (EA)
ในกรณีที่เราไม่ต้องการกดเปิด/ปิด/แก้ไขออเดอร์เอง เราสามารถเขียนเป็นโปรแกรมสั่งให้ MT4 ทำตามคำสั่งของเราได้โดยที่เราไม่ต้องเฝ้าหน้าจออยู่ตลอดเวลา โปรแกรมที่เขียนขึ้นมานี้เราเรียกว่า Expert Advisor (EA)
- การเขียนโปรแกรมจะทำใน MetaEditor (เปิดได้โดยกด F4 ที่ MT4) ซึ่งจะต้องใช้ทักษะเบื้องต้นในการเขียนโปรแกรม ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เมนู Help
- ถ้าท่านไม่ต้องการเขียนโปรแกรมเอง ท่านสามารถหา EA ใช้งานได้ตามเว็บไซต์ Forex ทั่วไป ซึ่งมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน แต่ก่อนที่ท่านจะใช้ EA กับบัญชีเทรดจริง ให้ท่านลองทดสอบรัน EA กับบัญชีเดโมก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดจากการตั้งค่าผิดได้ ท่านสามารถเปิดบัญชีเดโมได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/registration/demo
Non-qualified คืออะไร
Non-qualified คือการเทรดสั้น หากไม่ให้เป็น non-qualified ออเดอร์นั้น ๆ จะต้องปิดให้มากกว่า 3 เท่าของ spread ของคู่สกุลเงินนั้น ๆ และถือออเดอร์ให้นานตั้งแต่ 3 นาทีขึ้นไป ถ้าเข้าเงื่อนไขทั้งหมด 2 ข้อนี้ก็จะไม่เป็นการเทรด non-qualified
สำหรับประเภทบัญชีเทรดที่สามารถเทรด non-qualified ได้ คือ ECN Plus และ ECN Pro
Hedge คืออะไร
การเทรดแบบ Hedge คือการเปิดออเดอร์ทั้งซื้อ (buy) และขาย (sell) ที่สกุลเงินเดียวกันในเวลาคาบเกี่ยวกัน เช่น
วันที่ 24 Feb 2015, เปิด buy ตอน 8:00น. เปิด sell ตอน 11:00น. ปิด sell ตอน 13:00น. ปิด buy ตอน 14:00น. >> เป็น Hedging
วันที่ 25 Feb 2015, เปิด buy ตอน 8:00น. ปิด buy ตอน 14:00น. เปิด sell ตอน 14:30น. ปิด sell ตอน 16:00น. >> ไม่เป็น Hedging
Requote คืออะไร
เข้าไปอ่านบทความได้ที่ https://www.facebook.com/note.php?note_id=220162991332652
Introducing Broker (IB) คืออะไร
IB คือ ตัวแทนของ FXClearing ซึ่งจะเป็นผู้แนะนำการลงทุน Forex ให้กับผู้ที่สนใจลงทุน และมีหน้าที่ให้คำปรึกษาต่าง ๆ รวมถึงคอยช่วยเหลือนักลงทุนเพื่อให้ได้รับบริการที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดย IB ก็จะได้รับรายได้ค่าคอมมิชชั่นจาก FXClearing เมื่อผู้ที่ IB แนะนำมีการเทรด ซึ่งท่านสามารถสมัครเป็น IB ได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/ib-program
การเทรด Forex ผ่านโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต
สามารถเทรดผ่านโทรศัพท์ iPhone, Android หรือ iPad ได้ฟรีผ่านแอพพลิเคชั่น MetaTrader 4 รายละเอียดเข้าไปดูได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/mobile-trading
สามารถเปิดบัญชีเทรดกับ FXClearing ได้ที่ https://www.fxclearing.com/th/registration