อะไรทำให้เดย์เทรดนั้นท้าทายและเหตุใดเดย์เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จึงล้มเหลว เราจะมาดูว่าการที่จะเริ่มเทรดแบบเดย์เทรดนั้นคุณควรจะรู้อะไรบ้าง
รูปแบบของเดย์เทรด
หัวข้อนี้มีประโยชน์สำหรับผู้ที่เริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์และเพิ่งได้ยินคำว่า “เดย์เทรด” เป็นครั้งแรก ถ้าคุณเข้าใจเกี่ยวกับเดย์เทรดแล้วคุณสามารถข้ามไปหัวข้อถัดไปได้เลย
มีการเทรดหลายรูปแบบสำหรับฟอเร็กซ์ ส่วนที่แตกต่างกันคือระยะเวลาการเทรด โดยทั่วไปจะมีรูปแบบการเทรดดังนี้
- Scalping
- High-Frequency trading
- Day trading
- Swing trading
- Position trading
ตามรูปแบบการเทรดด้านบน เดย์เทรดเป็นการเทรดที่ใช้เวลาระยะปานกลาง มีการถือออเดอร์หลายชั่วโมงและจะไม่ถือออเดอร์ข้ามวัน
เทรดเดอร์ที่เทรดแบบเดย์เทรดโดยทั่วไปจะเลือกใช้ timeframe ที่สั้น เช่น 1 ชั่วโมงและ 4 ชั่วโมง มีการวิเคราะห์ตลาดโดยใช้กราฟรูปแบบเดียวกัน ในระหว่างวันจะมีการตั้ง Stop Loss ที่สั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเดย์เทรด
เหตุผลหลักที่ทำให้เดย์เทรดล้มเหลว
ขาดความรู้
เทรดเดอร์ส่วนมากขาดทุนเพราะเข้ามาเทรดหุ้นตามบล็อกเกอร์หรือ scammer ชื่อดังที่ให้ “สัญญาณเทรด 100%” ซึ่งกระตุ้นให้มือใหม่กระโดดเข้าสู่การเทรดโดยไม่ต้องศึกษาส่วนที่เป็นด้านเทคนิค
ขาดวินัย
วินัยเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์จริงจังพึงมี หากไม่มีวินัยหมายความว่าเทรดเดอร์จะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์และการเทรดได้
ขาดการบริหารความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ต้องมี หากเทรดเดอร์เทรดด้วยเงินทุนมากกว่า 3% ในการเทรดครั้งเดียว และไม่ใช้ Stop Loss หรือปกป้องเงินทุนก็จะเสียเงินทุนไปอย่างรวดเร็วแบบเห็นได้ชัด
อยากได้เงินก้อนโตมาอย่างรวดเร็ว
ใคร ๆ ก็อยากหาเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ต่อวัน และบางคนก็อาจประสบความสำเร็จได้จริง ๆ แต่คำถามเดียวก็คือ เงินนั้นจะอยู่ได้นานแค่ไหน ? อย่าลืมว่าเป้าหมายที่เป็นจริงและเป็นไปได้จะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้หลายเท่า
การไม่ปฏิบัติตามกลยุทธ์เทรด
การทดสอบกลยุทธ์ต่าง ๆ และสร้างระบบของคุณเองเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน หากมีอยู่หลายระบบ จะช่วยให้คุณสามารถเทรดในตลาดภายใต้เงื่อนไขและพายุเศรษฐกิจใดก็ได้ ดังนั้น หากคุณไม่มีกลยุทธ์ คุณก็จะมีความเสี่ยง
เทรดแบบไม่วางแผน
ควรเลื่อน Stop Loss หรือปิดออเดอร์ตอนนี้ ควรรอให้ราคาดีดตัวกลับหรือปิดออเดอร์ปัจจุบันแล้วเปิดออเดอร์ใหม่ ? การไม่มีแผนการเทรดหมายความว่า ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เมื่อคุณต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรด คุณจะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรและอาจตัดสินใจผิดพลาดได้บ่อยขึ้น
เทรดเกินขนาด
การเทรดก็เหมือนกับการทำงาน ควรมีการแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม ไม่มีใครทำงานทั้งวันโดยไม่พักผ่อน ใช่ไหม ? การเปิดออร์เดอร์ใหม่บ่อย ๆ จะเพิ่มค่าคอมมิชชันและเพิ่มโอกาสที่การเทรดแต่ละครั้งจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะการควบคุมออร์เดอร์ longs และ shorts หลาย ๆ ออร์เดอร์พร้อมกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
มองการเทรดเป็นวิธีหาเงินง่าย ๆ หรือเป็นแค่งานอดิเรก
การเทรดคืองานจริง ๆ และมือสมัครเล่นมักล้มเหลวในจุดนี้ เช่นเดียวกับการทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ พนักงานธนาคาร หรือแพทย์ ที่ต้องเรียนรู้วิธีการเทรดและทุ่มเทเวลาให้กับมันอย่างมาก
ทำไมเดย์เทรดถึงได้รับความนิยม
โชคไม่ดีที่เทรดเดอร์เริ่มต้นส่วนใหญ่เลือกกลยุทธ์การเทรดด้วยเหตุผลที่ผิด เขาเหล่านั้นมาเทรดฟอเร็กซ์เพื่อหาเงินแบบรวดเร็ว และด้วยเหตุผลนี้ เดย์เทรดจึงเป็นรูปแบบการเทรดที่น่าสนใจ:
- การเทรดโดยใช้ timeframe ที่สั้น ทำให้มองเห็นโอกาสในการทำกำไรได้มาก เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องรอนาน
- รู้ผลกำไรรวดเร็วภายในหนึ่งวัน เนื่องจากจะต้องปิดออเดอร์ทั้งหมดก่อนสิ้นวัน
เราจะไม่คิดว่าเหตุผลเหล่านี้เป็นเหตุผลที่แย่ในการเลือกรูปแบบการเทรด อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ คุณควรศึกษาว่าข้อเสียของการเดย์เทรดมีอะไรบ้าง
อะไรทำให้การเดย์เทรดเป็นสิ่งที่ท้าทาย
ยิ่งเทรดระยะสั้นมากเท่าไหร่ สัญญาณการเทรดก็จะยิ่งผันผวนมากเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลว่าการเทรดแบบสวิงเทรดมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดย์เทรด ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้:
- สัญญาณการเทรดผันผวน
- สัญญาณหลอกสูง
- Stop-Hunting
- ออเดอร์ถูกปิดก่อนที่ออเดอร์นั้นจะวิ่งเข้าหากำไร
- ได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัจจัยพื้นฐาน
สัญญาณการเทรดผันผวน
กราฟระยะสั้นจะแสดงสัญญาณการเทรดที่ผันผวน ราคาที่แกว่งขึ้นลงแรงทำให้สัญญาณเทรดนั้นผิดพลาด เทรดเดอร์ที่ไม่มีประสบการณ์จะเจอสัญญาณเทรดประเภท false breakout ซึ่งหลังจากเปิดออเดอร์แล้ว ราคาวิ่งกลับทิศทางอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่มีการใช้ Stop Loss อาจจะขาดทุนจำนวนมากได้
สัญญาณหลอกสูง
มีสัญญาณหลอกมากในกราฟราย 1 ชั่วโมงและ 4 ชั่วโมง โดยทั่วไปเกิดจากการตอบสนองของเทรดเดอร์ในช่วงที่มีการประกาศข่าว นี่เป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์รายวันจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าการเคลื่อนที่ของราคาแบบไหนที่มีความสำคัญ แบบไหนไม่ต้องสนใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน
Stop-Hunting
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเทรดเดอร์เริ่มต้น มีการตั้ง Stop Loss แถวระดับราคาที่สำคัญ ซึ่งทำให้โบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือทำการบังคับราคาซึ่งทำให้ออเดอร์จำนวนมากที่ตั้ง Stop Loss ที่ระดับราคานั้นถูกปิดทั้งหมด การกระทำแบบนี้เรียกว่า Stop-Hunting.
Stop-Hunting ส่วนใหญ่จะมีผลกระทบต่อกราฟ timeframe สูง แต่ด้วยราคาที่วิ่งอย่างรุนแรงนั้นทำให้เกิด false breakout ทำให้เทรดเดอร์รายวันขาดทุนได้ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและไม่มีการเกิด Stop-Hunting ขึ้น
ออเดอร์ถูกปิดก่อนที่ออเดอร์นั้นจะวิ่งเข้าหากำไร
เนื่องจากเทรดเดอร์แบบเดย์เทรดจะปิดออเดอร์ทั้งหมดก่อนสิ้นสุดช่วงเทรดรายวันเสมอ พวกเขาจึงมักพลาดโอกาสในการทำกำไรเพิ่มเติม แน่นอนว่ามีโอกาสที่รายการที่สร้างกำไรอาจกลายเป็นไม่ทำกำไรในระหว่างที่คุณหลับ แต่หากรู้จักการตั้งระดับ Stop Loss และ Take Profit ออเดอร์ที่ถือค้างไว้เกินกว่าหนึ่งวันก็อาจสร้างกำไรให้คุณได้มากขึ้น นี่คือเหตุผลที่สวิงเทรดมักจะแสดงให้เห็นกำไรได้มากกว่าการเทรดแบบเดย์เทรด
ได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัจจัยพื้นฐาน
แม้แต่ข่าวหรือข่าวลือเล็ก ๆ ก็ส่งผลต่อกราฟ low timeframe มันเกิดขึ้นไม่ใช่เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มีอิทธิพลต่อตลาดแต่เป็นปฏิกิริยาของผู้เทรดที่มีต่อเหตุการณ์นั้น ดังนั้นจึงควรระมัดระวังอย่างมากในการเทรดแบบเดย์เทรด
ทำอย่างไรจึงจะสำเร็จในการเทรดแบบเดย์เทรด
น่าเสียดายที่ไม่มีเวทมนตร์ที่สามารถช่วยคุณตัดสินใจได้ว่าสัญญาณการเทรดใดจะได้ผล มันมาจากประสบการณ์ ต่อไปนี้คือเกร็ดเล็กน้อยที่จะทำให้คุณเป็นผู้เทรดเดย์เทรดที่ประสบความสำเร็จได้:
- เริ่มต้นด้วยทฤษฎี เรียนรู้ให้มากเท่าที่ทำได้เกี่ยวกับเดย์เทรด ค้นหาเทคนิคและเครื่องมือที่ผู้เทรดเดย์เทรดที่เชี่ยวชาญใช้กัน
- ฝึกฝนให้มาก เริ่มด้วยการเทรดเดโม ทดลองสัญญาณเทรดหลาย ๆ แบบ ในหลายสถานการณ์ตลาดเท่าที่จะเป็นไปได้
- ทำบันทึกการเทรดแม้จะเป็นการเทรดเดโม วิธีนี้คุณจะสามารถวิเคราะห์ว่าสัญญาณใดมีความน่าเชื่อถือมากกว่าและคุณควรเลือกสัญญาณใดในการทำเดย์เทรด
- ตั้งระดับราคาหลักในช่วงเวลาที่สูงกว่าเพื่อตัดสินใจด้านแนวโน้มหลักได้แม่นยำมากขึ้น จากนั้น ตั้งค่าระดับเดียวกันบนกราฟรายชั่วโมงและราย 4 ชั่วโมง
เราหวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเริ่มการเป็นเทรดเดอร์แบบเดย์เทรดได้ โปรดจำไว้ว่ายิ่งนานไปทักษะของคุณจะยิ่งพัฒนา เพียงคุณเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย