คุณรู้หรือไม่ว่าในประเทศกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วมีเปอร์เซ็นของผู้ที่ไม่มีความสุขมากกว่าส่วนที่ยากจนที่สุดในแอฟริกา ? นี่คือส่วนหนึ่งของปัจจัยที่คนมีแนวโน้มที่มีความต้องการมากขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะมีข้าวของมากแค่ไหนก็ไม่เคยพอ อาจพูดได้ว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีความละโมภ และหากจะบอกว่าความต้องการบรรลุเป้าหมายมากขึ้นนั้นเป็นประโยชน์ ความละโมภสำหรับฟอเร็กซ์ก็เป็นเส้นทางโดยตรงสู่การล้มละลายได้เช่นกัน
คุณจะเข้าใจได้อย่างไรว่าการตัดสินใจทางการเงินนั้นมีสาเหตุมาจากอารมณ์ความรู้สึก ? คุณจะเรียนรู้วิธีควบคุมความรู้สึกของตัวเองแล้วเริ่มทำกำไรกับฟอเร็กซ์ได้อย่างไร ? เชิญอ่านบทความในหัวข้อนี้ได้เลย
พยายามลดความคาดหวัง
ด้วยการโฆษณาเกินจริงจากโบรกเกอร์ที่ไม่ซื่อสัตย์ที่ให้สัญญาความมั่งคั่งลม ๆ แล้ง ๆ หลายท่านจึงเข้าสู่วงการฟอเร็กซ์ด้วยความคาดหวังว่าจะได้เงินง่ายและเร็ว แต่บังเอิญว่าในความเป็นจริงนั้นหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ คุณต้องเตรียมใจด้วยว่าเปอร์เซ็นของกำไรสามารถเป็นได้ตั้งแต่ 2% ไปถึง 20% และบางครั้งก็ไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้
หลังจากใช้เวลาสองสามวันไปกับบัญชีเดโม ผู้เทรดบางคนก็เริ่มเปลี่ยนไปเทรดที่บัญชีเทรดจริง ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมาก การเทรดเดโมนั้นต่างจากการเทรดจริงมากเพราะการเทรดเดโมจะไม่เอาอารมณ์มาเกี่ยวข้องอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อคุณเริ่มเสี่ยงด้วยเงินของคุณเอง การตัดสินใจของคุณก็จะกลายเป็นความสับสนและถูกกำหนดโดยความกลัว ความตื่นเต้น และแน่นอน ความโลภที่เรากำลังจะพูดถึง
การประเมินโอกาสในการทำกำไรตามความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก จงก้าวเข้าสู่ความสำเร็จโดยการไม่ก้าวข้ามขั้นตอนสำคัญ เตรียมความพร้อมสำหรับการเทรดจริงด้วยบัญชีเดโมแล้วจึงค่อยลงทุนกับบัญชีเทรดจริง และแน่นอน จงเตรียมรับมือกับอารมณ์ที่สับสนวุ่นวายในฟอเร็กซ์ที่คุณจะต้องเผชิญหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รู้ได้อย่างไรว่าการตัดสินใจนั้นมีสาเหตุมาจากความละโมภ
ความสำเร็จของผู้ที่เทรดฟอเร็กซ์มักขึ้นอยู่กับจำนวนขั้นตอนที่สำคัญและการรู้จักแยกแยะ เมื่อคุณสังเกตความแตกต่างของวิธีบรรลุเป้าหมายที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปแล้ว ไม่เพียงแต่คุณจะไม่ตระหนักถึงความสำคัญของมันแล้ว ความโลภยังครอบงำคุณด้วย มันเป็นความต้องการสร้างรายได้ให้เร็วเท่าที่จะทำได้ซึ่งมันจะทำให้คุณแหกกฎที่สำคัญเหล่านั้น สัญญาณเตือนอย่างแรกว่าคุณถูกความโลภเข้าครอบงำแล้ว มีดังนี้ :
- ขาดหรือละเลยประเด็นของแผนการเทรดไปโดยสิ้นเชิง หากคุณออกห่างจากระบบของคุณเองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แสดงว่าการตัดสินใจของคุณก็เกือบมีสาเหตุมาจากอารมณ์แล้ว
- เปลี่ยนมาเทรดจริงเร็วเกินไปหรือข้ามการเทรดเดโมไปเลย
- คุณไม่เคยถอนเงินและยังคงฝากเพิ่ม เป็นสัญญาณแรกว่าแผนของคุณสามารถทำเงินได้มากเท่าที่คุณต้องการ คุณจึงควรเริ่มควบคุมตนเองไม่เช่นนั้นความรู้สึกนี้จะเริ่มเข้าครอบงำคุณ
- ละเลยต่อระบบการจัดการความเสี่ยง ผู้เทรดมักจะเทหมดหน้าตักเมื่อพวกเขามั่นใจว่าการเทรดมีได้มีเสียแบบวิน-วิน พวกเขาไม่อาจรอที่จะทำกำไรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่บังเอิญว่าคุณไม่มีทางคาดเดาอารมณ์ของตลาดได้แน่นอน 100% แม้ว่าคุณจะโชคดีหนึ่งหรือสองครั้ง ในครั้งที่สามคุณก็อาจสูญเสียทุกอย่างไปได้
- เลือกใช้ค่าเลเวอเรจสูงสุด ตัวเลือกเลเวอเรจ จะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญต่าง ๆ มากมาย เช่น ขนาดและระยะเวลาการเทรดของคุณ หากเพิ่มค่าเลเวอเรจก็เพิ่มความเสี่ยงได้เช่นกัน
- เทรดมากเกินไป หากคุณใช้เวลาเป็นชั่วโมงไปกับกราฟในการค้นหาการตั้งค่าการเทรดที่เหมาะสมแล้วเปิดออเดอร์เป็นจำนวนมาก แสดงว่าคุณถูกความโลภเข้าครอบงำเรียบร้อยแล้ว และถึงเวลาที่จะต้องถอนตัว
- ไม่สนใจการตั้ง Stop Loss และ Take Profit ระดับเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะช่วยคุณคำนวณอัตราความเสี่ยงต่อผลกำไรได้ หากคุณคิดว่ามันเป็นแค่ข้อจำกัดที่คุณควรกำจัด คุณก็มีปัญหากับความโลภแล้ว
สรุป
ดูเหมือนว่าความต้องการสร้างเม็ดเงินเป็นจำนวนมากจะไม่สามารถเป็นข้อเสียได้เลย อย่างไรเสีย เราล้วนเข้าสู่ฟอเร็กซ์เพื่อเงิน ใช่หรือไม่ ? ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเทรดในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศก็มีกฎของมัน หากคุณต้องการเป็นผู้นำในฟอเร็กซ์คุณควรทำตามกฎ
ความสำเร็จในการเทรดนั้นเป็นไปได้เพียงหนึ่งกรณีเท่านั้น นั่นคือ คุณจะต้องดูตัวเลขที่เห็นบนหน้าจอไม่ใช่ยอดเงิน อย่างแรก การเรียนรู้ที่จะทำเช่นนี้ได้มันไม่ง่ายสำหรับคุณเลย การจดบันทึกการเทรดอาจช่วยคุณแก้ปัญหานี้ได้ หากคุณมีการจดบันทึกอยู่แล้วแต่ไม่ได้ระบุความรู้สึกที่คุณมีระหว่างการเทรดก็ควรเริ่มบันทึกได้แล้ว หากคุณบรรยายอารมณ์ทั้งหมดและเหตุการณ์แวดล้อมที่เกิดขึ้น คุณจะรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงต่อความรู้สึกของคุณและควรควบคุมมันอย่างไร บางทีมันอาจสร้างความชัดเจนให้คุณได้ว่าคุณตัดสินใจด้วยความสะเพร่าหลังจากมีปัญหาความรักหรือหลังจากการทำงานยุ่งทั้งวัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าช่วงเวลาใดที่คุณควรเทรดหรือควรหลีกเลี่ยง
สุดท้ายนี้ ตั้งเป้าหมายระยะยาวและวางแผนด้วยตัวคุณเอง นั่นคือวิธีที่คุณจะรู้ได้ว่าคุณควรดำเนินไปในทางใดและจะไปได้อย่างไร