สิ่งที่คุณต้องมีเพื่อเริ่มเทรดตามแนวโน้ม:
- เรียนรู้ที่จะกำหนดแนวโน้ม
- เลือกรูปแบบการเทรด
- เลือกกลยุทธ์ในการเทรด
หนึ่งใน บทความก่อนหน้านี้ ของเราได้เคยอธิบายให้คุณทราบว่าแนวโน้มคืออะไรและจะกำหนดทิศทางได้อย่างไร ดังนั้นเราจะไม่พูดถึงอีกในหัวข้อนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับการเทรดแนวโน้มเพิ่มเติม
3 ขั้นตอนของการเทรดแนวโน้ม
เช่นเดียวกับกลยุทธ์อื่น ๆ การเทรดแนวโน้มจะถูกดำเนินไปตามแผนการที่ชัดเจนที่คุณจะต้องสร้างไว้ล่วงหน้า ซึ่งขั้นตอนที่คุณต้องมีในแผนการก็ค่อนข้างง่าย:
- กำหนดทิศทางแนวโน้ม
- ค้นหาจุดเข้าออเดอร์ของคุณ
- กำหนดจุดออก ได้แก่ การตั้งระดับ Stop Loss และ Take Profit
การเทรดตาม Breakout
การเทรดตามแนวโน้มมีอยู่หลายวิธี อย่างเช่น การเทรดตามค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เทรดที่ระดับแนวต้านและแนวรับ เทรดตามเส้นแนวโน้มและกรอบ channel เป็นต้น เราไม่สามารถอธิบายวิธีการทั้งหมดได้ในหนึ่งบทความ ดังนั้น วันนี้เราจะมาเน้นกันที่วิธีการที่เจาะจง นั่นคือ การเทรดตาม breakout
ส่วนสำคัญนั้นค่อนข้างง่าย นั่นคือ คุณแค่ตั้งสมมุติฐานว่าแนวโน้มจะเปลี่ยนทิศทางและตัดผ่านระดับราคาหลัก ตัวอย่างเช่น ในตลาดขาขึ้นนั้น ราคามักจะชิ่งออกจากระดับแนวรับหรือเส้นแนวโน้ม สิ่งที่คุณต้องทำก็คือจับเอาชั่วขณะที่ราคาหลุดลงไปจากระดับที่ตั้งไว้และตลาดเริ่มจะอ่อนค่าลง
ประโยชน์สำคัญอย่างหนึ่งในกลยุทธ์ breakout คือไม่จำเป็นต้องเปิดออเดอร์เทรดเองในการตั้งค่าการเทรดที่สมบูรณ์แบบ ทันทีที่คุณได้ข้อสรุปว่าแนวโน้มพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง คุณก็สามารถวางการเข้าเทรดด้วย pending order ได้ เมื่อกราฟวิ่งไปแตะราคาที่คุณตั้งไว้ ออเดอร์ก็จะถูกเปิดเองโดยอัตโนมัติ
แต่เนื่องจากคุณไม่มีทางแน่ใจได้ 100% ว่าราคาจะวิ่งไปในทิศทางที่คุณคาดหวังไว้ การตั้ง Stop Loss กับทุกออเดอร์ที่คุณเปิดจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับการเทรดแนวโน้ม มักจะตั้งค่าไว้ใกล้กับจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดโดยขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาด และอย่าลืมกำหนดจุดปิดออเดอร์ด้วยเช่นกันเพื่อผลการเทรดที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรลืมตั้ง Take Profit เช่นกัน
โปรดจำไว้ว่าก่อนที่จะเริ่มเทรดคุณควรจะทำการวิเคราะห์อัตราส่วนความเสี่ยงต่อกำไรก่อน เมื่อคุณได้ทำการตั้ง SL และ TP ให้ตรวจสอบว่าโอกาสในการได้กำไรนั้นมากกว่าโอกาสในการขาดทุนหรือไม่ อัตราส่วนนั้นควรจะเป็นอย่างน้อย 1:2 หรือ 1:3 เช่น หากท่านตั้ง SL ไว้ 100 pip ดังนั้นการตั้ง TP ของคุณควรจะเป็นอย่างน้อย 200-300 pip
วิธีดูการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
แน่นอนว่าคุณไม่สามารถตั้งออเดอร์ pending ได้ในทุกๆจุดสวิงที่คุณเห็น คุณอาจจะต้องใช้เวลาทั้งวันในการมองกราฟและทำการคำนวณ วิธีการที่ง่ายกว่าคือการวิเคราะห์สภาพตลาดเพื่อดูว่าแนวโน้มนั้นแข็งแรงแค่ไหน และเมื่อแนวโน้มอ่อนลง ก็จะมีโอกาสเปลี่ยนทิศได้
มีอยู่สามวิธีในการประเมินความแข็งแรงของแนวโน้ม:
- ดูจุดสูงสุดและต่ำสุด
- ดูความถี่ของการสวิง
- ดูความหนาแน่นของราคาแถวเส้นแนวโน้ม
จุดสูงสุดและต่ำสุด
วิธีนี้เรียบง่าย ให้มองไปที่กราฟและดูจุดสูงสุดและต่ำสุด เมื่อคุณสังเกตว่าจุดต่ำสุดได้เพิ่มสูงขึ้นหรือจุดสูงสุดตกลงมา แสดงว่าแนวโน้มอ่อนค่าลงและมีโอกาสเปลี่ยนทิศได้
ความถี่ของการสวิง
คุณสามารถดูความแข็งแรงของแนวโน้มได้จากความถี่ของราคาที่วิ่งไปชนเส้นแนวโน้ม หากราคาวิ่งกลับไปหาเส้นแนวโน้มสำคัญอยู่บ่อยๆ แสดงว่าแนวโน้มนั้นเริ่มอ่อนค่าลง ตัวอย่างเช่น หากตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของขาลง ราคาได้แตะเส้นแนวโน้มทุกๆ 30-40 วัน และในขณะนี้เปลี่ยนมาเป็นทุกๆ 5 วัน ดังนั้นในกรณีนี้ตลาดมีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปเป็น sideway หรือขาขึ้น
ความหนาแน่นแถวเส้นแนวโน้ม
วิธีนี้คล้ายกับวิธีที่แล้ว หากราคาเริ่ม “แกว่งตัว” แถวเส้นแนวโน้ม มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวได้ ซึ่งเราคิดว่ามันคุ้มหากตั้งออเดอร์ pending ไว้
สรุป
การเทรดบน price action นั้นเป็นวิธีการเทรดที่เชื่อถือได้ เมื่อคุณทำการวิเคราะห์กราฟอยู่เสมอ คุณจะเริ่มเข้าใจและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในสถานการณ์ต่างๆได้ หากคุณต้องการใช้อินดิเคเตอร์สำหรับการเทรดตามแนวโน้มก็สามารถใช้ได้ แต่ภายหลังคุณจะรู้สึกว่าคุณมีความเชี่ยวชาญน้อยลงในการรับรู้สภาวะตลาด
ไม่ว่าคุณใช้วิธีการเทรดแบบใด ให้จำไว้ว่าในช่วงที่มาข่าวออกนั้นตลาดจะวิ่งไปในทิศทางที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ให้ตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจก่อนเริ่มเทรดและหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลาที่มีข่าวสำคัญออกมา